เมื่อไม่นานมานี่ Radiesse ก็ได้มีการเปิดในตัวไทย หลังจากมีการยอมรับจากแพทย์ทั่วโลกมานานกว่า 20 ปี Radiesse เป็นสารกระตุ้นคอลลาเจน ที่ให้ผลลัพธ์ยาวนานถึง 2 ปี และ Sculptra ที่เปิดตัวมาได้ประมาณ 5 เดือน ซึ่งเป็นสารกระตุ้นคอลลาเจน และอยู่ได้นานถึง 2 ปี เช่นเดียวกัน จึงเป็นคำถามที่หลายๆคนถามมากันมากมายว่า Radiesse Vs Sculptra ต่างกันอย่างไร วันนี้จึงมาเปรียบเทียบให้ดูกันเลยค่า
Radiesse
ศาสตร์ตัวใหม่แห่งการฟื้นฟูผิวด้วยล่าสุด “ตัวเดียว” ที่เป็นสารฉีดกระตุ้นการสร้างเส้นใยตาข่ายผิวใหม่ที่มี CaHA เป็นสารสำคัญในการออกฤทธิ์ โดยกลไกการทำงานคือ ฟื้นฟูการทำงานของ Fibroblast (เซลล์ต้นกำเนิดผิว) ส่งผลให้กระตุ้นการสร้าง Key components 5 อย่างได้แก่ที่มีส่วนสำคัญต่อผิวที่สุขภาพดี
- Collagen type 1 +150% ผิวกระชับ
- Collagen type 3 +130% ผิวเนียนนุ่มเหมือนผิวเด็ก
- Elastin +260% ผิวเด้ง อิ่มฟู
- Proteoglycan ผิวชุ่มชื้น อิ่มน้ำ
- Angiogenesis ผิวอมชมพู
ส่วนประกอบหลัก – Calcium hydroxylapatite หรือที่เรียกกันว่า CaHA
ตำแหน่งในการฉีด – ร่องแก้ม , มุมปาก , ร่องน้ำหมาก หน้ากระเปาะแก้ม เติมกระชับกรอบหน้า , คาง ,ริ้วรอยหลังมือ
ระยะเวลาที่ยาออกฤทธิ์ – เห็นผลลัพธ์ทันที
ระยะเวลาผลลัพธ์ – 12 เดือนขึ้นไป
จำนวนครั้งที่ต้องทำ – 1 ครั้ง
ผลข้างเคียง – บวม แดง ซ้า ปวดบริเวณที่ฉีด*
Sculptra
อนุภาคของกรด PLLA จัดอยู่ในกลุ่ม Collagen Biostimulator เป็นสารฉีดกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจน Type 1 ของตัวเราเองตามกระบวนการธรรมชาติ ช่วยคืนความอ่อนเยาว์ให้กับผิว โดยทำให้ผิวแน่นอิ่มฟู ยกกระชับบริเวณผิวหย่อนคล้อย ปรับปรุงคุณภาพผิวให้ดียิ่งขึ้น ผลลัพธ์ที่ได้จะเป็นธรรมชาติแบบค่อยเป็นค่อยไปอย่างต่อเนื่อง
ส่วนประกอบหลัก – Poly-L-lactic acid หรือที่เรียกกันว่า PLLA
ตำแหน่งในการฉีด – ร่องแก้ม ,ร่องน้ำหมาก , คาง , ริ้วรอยใบหน้า
ระยะเวลาที่ยาออกฤทธิ์ – หลายสัปดาห์
ระยะเวลาผลลัพธ์ – มากกว่า 24 เดือน
จำนวนครั้งที่ต้องทำ – 3 ครั้งใน 3-4 เดือน
ผลข้างเคียง – บวม แดง ช้ำ ปวดบริเวณที่ฉีด*
- หมายเหตุ ผลค้างเคียงขึ้นอยู่กับประสบการณ์และความชำนาญของแพทย์
หากตัดสินใจในการเลือกฉีดไม่ได้ แนะนำเข้ามาปรึกษาคุณหมอใหม่ที่คลินิกได้นะคะ คุณหมอจะแนะนำการรักษาที่เหมาะกับสภาพผิวและตอบโจทย์ความต้องการของคุณมากที่สุดค่า
ที่มา: Kristina Cadwell (n.d.)